Pages

Sunday, September 6, 2020

3 วัน 2 คืน เที่ยว "สังขละบุรี" คนเดียวก็ไปได้ - ไทยรัฐ

sendirisolo.blogspot.com

5 ก.ย. 2563 07:00 น.

มีหลายคนบอกว่า "สังขละบุรี" จังหวัดกาญจนบุรี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางมาเที่ยวหรือพักผ่อนได้ตลอดทั้งปี เพราะอากาศดี และมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะ บวกกับความน่ารักและเสน่ห์ความเรียบง่ายของชาวมอญ เราจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพื้นที่ธรรมดาๆ แห่งนี้ถึงพิเศษจนทำให้นักท่องเที่ยวหลากหลายคนต้องกลับมาเช็กอินซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ซึ่งการเดินทางไปสังขละบุรีของ MIRROR ในครั้งนี้ บอกเลยว่าไม่ใช่ครั้งแรกค่ะ แต่ก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้หรอกนะคะ ว่านอกจากการได้รับความรู้สึกดีๆ กลับมาแล้ว ยังคงมีเหตุผลอื่นอีกไหม ที่ทำให้เราต้องเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้แทบทุกปี แต่ช่างเถอะค่ะ เพราะบทความนี้คือแพลนเที่ยว 3 วัน 2 คืน ที่ "สังขละบุรี" จังหวัดกาญจนบุรี ที่เราอยากมาแชร์ให้กับทุกคน

Day 1 : น้ำตกเกริงกระเวีย

เราขับรถออกจากบ้านแต่รุ่งเช้า (06.00 น.) เพราะอยากแวะยังสถานที่ต่างๆ ระหว่างทางก่อนจะไปถึงยังที่พักที่จองไว้ใกล้ๆ กับสะพานมอญ ซึ่งระหว่างทางก่อนถึงน้ำตกเกริงกระเวีย เราก็ได้แวะยังร้านอาหารเพื่อพักรถและหาอาหาร/เครื่องดื่มรับประทานตลอดทาง (บอกเลยว่าชิลมาก) ระยะเวลาเกือบ 7 ชั่วโมง เราก็ได้เดินทางมาถึงยัง "น้ำตกเกริงกระเวีย" จุดเช็กอินแรกของทริปนี้ เสียค่าเข้า 40 บาทนะคะ (แต่สามารถใช้เข้าจุดชมวิวป้อมปี่ได้) 

ซึ่ง "น้ำตกเกริงกระเวีย" แห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ส่วนหนึ่งอำเภอสังขละบุรีค่ะ เป็นน้ำตกเล็กๆ สูงประมาณ 5 เมตร แต่บรรยากาศดี และเย็นสบาย เราเดินเข้าไปถ่ายรูปและนั่งอ่านหนังสือสักพัก ก่อนเดินออกมาเพื่อสั่งเครื่องดื่มที่คาเฟ่ โดยด้านทางเข้าของน้ำตกก็มีร้านอาหารให้เลือกรับประทานมากมายเช่นกัน แต่ที่ประทับใจที่สุดก็คือห้องน้ำสะอาดมากๆ 

เรานั่งพักกินข้าว ดื่มน้ำ ซื้อขนม ทำธุระหนัก-เบาเรียบร้อย จากนั้นก็เดินทางมุ่งหน้าต่อไปยังที่พักใกล้สะพานมอญทันที ซึ่งกิจกรรมวันแรกเราขอไม่หนักมากนะคะ เพราะทริปนี้ตั้งใจจะสบายๆ และมาเพื่อพักผ่อนจริงๆ แต่ถ้าใครยังรู้สึกไม่จุใจ ระหว่างทางไปยังสะพานมอญก็มีสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง น้ำตกกระเต็งเจ็ง และจุดชมวิวป้อมปี่อยู่ Lady MIRROR สามารถเข้าไปเช็กอินกันได้เลยค่ะ

Day 2 : สะพานไม้อุตตามานุสรณ์ (สะพานมอญ) 

สะพานมอญ หรือ สะพานอุตตมานุสรณ์ เป็นสะพานไม้เก่าแก่ ที่ชาวบ้านแถวนั้นไว้ใช้ข้ามแม่น้ำซองกาเรียไปยังหมู่บ้านมอญค่ะ ถือเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และยาวอันดับสองของโลกอีกด้วยนะคะ แน่นอนว่าเป็นสถานที่เช็กอินยอดฮิตของนักท่องเที่ยว ใครมาเยือนสังขละบุรีต้องมาตักบาตรตอนเช้าและถ่ายรูปที่สะพานมอญ ซึ่งวันนี้เราตื่นเช้าเหมือนเดิม เพราะมีนัดกับเจ้าของร้านที่เตรียมชุดตักบาตรไว้ให้ พระจะเริ่มเดินบิณฑบาตตั้งแต่ 06.00 น. (หากคุณตื่นสายบอกเลยว่าพลาดกิจกรรมนี้ทันที)

หลังจากใส่บาตรเสร็จเรียบร้อย เราแวะนั่งกินโจ๊กนั่งยองยังร้านอาหารเช้าขึ้นชื่อของที่นี่ต่อทันที และเมื่อเติมพลังเสร็จเราจึงมุ่งหน้าเดินข้ามสะพานมอญเพื่อถ่ายรูป และมานั่งเรือชมบรรยากาศวัดใต้น้ำต่อ (ราคาเรือ 1 วัด 300 บาท และ 3 วัด 500 บาท)

นั่งเรือชมบรรยากาศวัดเก่า-วัดใต้น้ำ

ไหนๆ ก็มาเยือนสังขละบุรีทั้งที เราจึงเลือกกิจกรรมแบบ 3 วัด 500 บาทค่ะ ซึ่งเพื่อนๆ สามารถหาคนหารค่าเรือ หรือจะนั่งชิลๆ คนเดียวก็ได้นะคะ เพราะเป็นรอบเรือแบบเหมาค่ะ และวัดแรกที่พี่โชเฟอร์พาไปก็คือวัดกระเหรี่ยง หรือ "วัดศรีสุวรรณ(เก่า)" ค่ะ ชาวบ้านบอกว่าเราโชคดีมากๆ ที่เดินทางมาช่วงนี้เพราะเป็นช่วงที่น้ำลด นักท่องเที่ยวสามารถลงจากเรือเพื่อเข้าไปกราบขอพรพระด้านในได้ ใช่ค่ะ...เราไม่รอช้าเลย

และวัดที่ 2 ก็คือ วัดมอญ วัดบ้านเก่า หรือวัดวังก์วิเวการาม วัดแรกที่หลวงพ่ออุตตมะสร้างขึ้นกับชุมชนมอญค่ะ และเมื่อเรือจอดสนิท ไกด์น้อยประจำวัดก็มายืนรอต้อนรับเราทันที เราเดินคุยกับน้องไกด์ไปเรื่อยๆ ก่อน ซึ่งน้องเล่าให้ฟังคร่าวๆ เกี่ยวกับประวัติของวัดนี้พร้อมบอกปริมาณของน้ำ ว่าจริงๆ แล้วน้ำท่วมสูงเกือบถึงยอดระฆังเลย

เดินชมรอบวัดหมดแล้ว เราบอกลาน้องไกด์ และนั่งเรือต่อไปยังวัดไทยต่อทันที นั่นก็คือ วัดสมเด็จ นั่นเองค่ะ วัดนี้ต้องเดินขึ้นไปยังเนินเขานะคะ ทางอาจจะชันและลำบากนิดหน่อย แต่บรรยากาศดี เย็นสบายมากๆ เลยค่ะ 

ซึ่งหลังจากที่เยี่ยมชมวัดใต้น้ำครบทั้ง 3 วัด เราก็นั่งเรือกลับมายังสะพอนมอญทันที เพราะอยากกลับไปนอนหลับสักตื่น ก่อนออกมากราบสักการะหลวงพ่ออุตตมะ ที่วัดวังก์วิเวการามในช่วงบ่าย

ภาพบรรยากาศระหว่างนั่งเรือกลับมายังสะพานมอญค่ะ สวยมากๆ เลย มีสายหมอกจางๆ ด้วย

วัดวังก์วิเวการาม

หลังจากนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม เราก็ตื่นมารับประทานอาหารกลางวันยังร้านอาหารใกล้ๆ ที่พัก จากนั้นก็ขับรถออกไปยังวัดวังก์วิเวการาม หรือวัดหลวงพ่ออุตตมะทันที ซึ่งวัดนี้หลวงพ่ออุตตมะท่านได้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2496 ร่วมกับชาวบ้านอพยพชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญค่ะ ซึ่งเป็นที่ที่มีความสำคัญมากสำหรับคนพื้นถิ่นเลยทีเดียว นอกจากนี้บริเวณวัดก็มีของพื้นถิ่นมากมายจำหน่ายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ของกิน ผ้าไทย และสมุนไพรทานาคา เลือกซื้อเป็นของฝากกันได้เลย

Day 3 : ธารแม่น้ำซองกาเรีย

ปิดท้ายทริปนี้ด้วยสถานที่ทางผ่านอย่าง ธารแม่น้ำซองกาเรียค่ะ บริเวณนี้เป็นเสมือนซุ้มแพริมน้ำให้นักท่องเที่ยวนั่งรับประทานอาหารท่ามกลางธรรมชาติ ถือเป็นการทิ้งทวนการเที่ยวสังขละบุรีที่ได้นั่งกินอาหารอร่อยๆ บรรยากาศดีมากๆ น้ำเย็นสบาย ที่แฮปปี้มากๆ เลยค่ะ 

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ Lady MIRROR สามารถลองไปเที่ยวสังขละบุรีตามแพลนของ MIRROR ดูได้เลยค่ะ รับรองว่าสบายกาย สบายใจ มีพลังกลับมาพร้อมทำงานอย่างเต็มเปี่ยมแน่นอน สุดท้ายเที่ยวให้สนุก มีความสุขกับวันหยุดยาว และเดินทางปลอดภัยนะคะ. 

by วรรณิภา จันพุดซา (ติว)

เปลี่ยน Passion ให้เป็น Fashion ในสไตล์ที่เป็นคุณ

Let's block ads! (Why?)



"คนเดียว" - Google News
September 05, 2020 at 07:00AM
https://ift.tt/2DtIUbw

3 วัน 2 คืน เที่ยว "สังขละบุรี" คนเดียวก็ไปได้ - ไทยรัฐ
"คนเดียว" - Google News
https://ift.tt/2Wbluya

No comments:

Post a Comment