5 ก.ย. 2563 07:00 น.
มีหลายคนบอกว่า "สังขละบุรี" จังหวัดกาญจนบุรี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางมาเที่ยวหรือพักผ่อนได้ตลอดทั้งปี เพราะอากาศดี และมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะ บวกกับความน่ารักและเสน่ห์ความเรียบง่ายของชาวมอญ เราจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพื้นที่ธรรมดาๆ แห่งนี้ถึงพิเศษจนทำให้นักท่องเที่ยวหลากหลายคนต้องกลับมาเช็กอินซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ซึ่งการเดินทางไปสังขละบุรีของ MIRROR ในครั้งนี้ บอกเลยว่าไม่ใช่ครั้งแรกค่ะ แต่ก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้หรอกนะคะ ว่านอกจากการได้รับความรู้สึกดีๆ กลับมาแล้ว ยังคงมีเหตุผลอื่นอีกไหม ที่ทำให้เราต้องเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้แทบทุกปี แต่ช่างเถอะค่ะ เพราะบทความนี้คือแพลนเที่ยว 3 วัน 2 คืน ที่ "สังขละบุรี" จังหวัดกาญจนบุรี ที่เราอยากมาแชร์ให้กับทุกคน
Day 1 : น้ำตกเกริงกระเวีย
เราขับรถออกจากบ้านแต่รุ่งเช้า (06.00 น.) เพราะอยากแวะยังสถานที่ต่างๆ ระหว่างทางก่อนจะไปถึงยังที่พักที่จองไว้ใกล้ๆ กับสะพานมอญ ซึ่งระหว่างทางก่อนถึงน้ำตกเกริงกระเวีย เราก็ได้แวะยังร้านอาหารเพื่อพักรถและหาอาหาร/เครื่องดื่มรับประทานตลอดทาง (บอกเลยว่าชิลมาก) ระยะเวลาเกือบ 7 ชั่วโมง เราก็ได้เดินทางมาถึงยัง "น้ำตกเกริงกระเวีย" จุดเช็กอินแรกของทริปนี้ เสียค่าเข้า 40 บาทนะคะ (แต่สามารถใช้เข้าจุดชมวิวป้อมปี่ได้)
ซึ่ง "น้ำตกเกริงกระเวีย" แห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ส่วนหนึ่งอำเภอสังขละบุรีค่ะ เป็นน้ำตกเล็กๆ สูงประมาณ 5 เมตร แต่บรรยากาศดี และเย็นสบาย เราเดินเข้าไปถ่ายรูปและนั่งอ่านหนังสือสักพัก ก่อนเดินออกมาเพื่อสั่งเครื่องดื่มที่คาเฟ่ โดยด้านทางเข้าของน้ำตกก็มีร้านอาหารให้เลือกรับประทานมากมายเช่นกัน แต่ที่ประทับใจที่สุดก็คือห้องน้ำสะอาดมากๆ
เรานั่งพักกินข้าว ดื่มน้ำ ซื้อขนม ทำธุระหนัก-เบาเรียบร้อย จากนั้นก็เดินทางมุ่งหน้าต่อไปยังที่พักใกล้สะพานมอญทันที ซึ่งกิจกรรมวันแรกเราขอไม่หนักมากนะคะ เพราะทริปนี้ตั้งใจจะสบายๆ และมาเพื่อพักผ่อนจริงๆ แต่ถ้าใครยังรู้สึกไม่จุใจ ระหว่างทางไปยังสะพานมอญก็มีสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง น้ำตกกระเต็งเจ็ง และจุดชมวิวป้อมปี่อยู่ Lady MIRROR สามารถเข้าไปเช็กอินกันได้เลยค่ะ
Day 2 : สะพานไม้อุตตามานุสรณ์ (สะพานมอญ)
สะพานมอญ หรือ สะพานอุตตมานุสรณ์ เป็นสะพานไม้เก่าแก่ ที่ชาวบ้านแถวนั้นไว้ใช้ข้ามแม่น้ำซองกาเรียไปยังหมู่บ้านมอญค่ะ ถือเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และยาวอันดับสองของโลกอีกด้วยนะคะ แน่นอนว่าเป็นสถานที่เช็กอินยอดฮิตของนักท่องเที่ยว ใครมาเยือนสังขละบุรีต้องมาตักบาตรตอนเช้าและถ่ายรูปที่สะพานมอญ ซึ่งวันนี้เราตื่นเช้าเหมือนเดิม เพราะมีนัดกับเจ้าของร้านที่เตรียมชุดตักบาตรไว้ให้ พระจะเริ่มเดินบิณฑบาตตั้งแต่ 06.00 น. (หากคุณตื่นสายบอกเลยว่าพลาดกิจกรรมนี้ทันที)
หลังจากใส่บาตรเสร็จเรียบร้อย เราแวะนั่งกินโจ๊กนั่งยองยังร้านอาหารเช้าขึ้นชื่อของที่นี่ต่อทันที และเมื่อเติมพลังเสร็จเราจึงมุ่งหน้าเดินข้ามสะพานมอญเพื่อถ่ายรูป และมานั่งเรือชมบรรยากาศวัดใต้น้ำต่อ (ราคาเรือ 1 วัด 300 บาท และ 3 วัด 500 บาท)
นั่งเรือชมบรรยากาศวัดเก่า-วัดใต้น้ำ
ไหนๆ ก็มาเยือนสังขละบุรีทั้งที เราจึงเลือกกิจกรรมแบบ 3 วัด 500 บาทค่ะ ซึ่งเพื่อนๆ สามารถหาคนหารค่าเรือ หรือจะนั่งชิลๆ คนเดียวก็ได้นะคะ เพราะเป็นรอบเรือแบบเหมาค่ะ และวัดแรกที่พี่โชเฟอร์พาไปก็คือวัดกระเหรี่ยง หรือ "วัดศรีสุวรรณ(เก่า)" ค่ะ ชาวบ้านบอกว่าเราโชคดีมากๆ ที่เดินทางมาช่วงนี้เพราะเป็นช่วงที่น้ำลด นักท่องเที่ยวสามารถลงจากเรือเพื่อเข้าไปกราบขอพรพระด้านในได้ ใช่ค่ะ...เราไม่รอช้าเลย
และวัดที่ 2 ก็คือ วัดมอญ วัดบ้านเก่า หรือวัดวังก์วิเวการาม วัดแรกที่หลวงพ่ออุตตมะสร้างขึ้นกับชุมชนมอญค่ะ และเมื่อเรือจอดสนิท ไกด์น้อยประจำวัดก็มายืนรอต้อนรับเราทันที เราเดินคุยกับน้องไกด์ไปเรื่อยๆ ก่อน ซึ่งน้องเล่าให้ฟังคร่าวๆ เกี่ยวกับประวัติของวัดนี้พร้อมบอกปริมาณของน้ำ ว่าจริงๆ แล้วน้ำท่วมสูงเกือบถึงยอดระฆังเลย
เดินชมรอบวัดหมดแล้ว เราบอกลาน้องไกด์ และนั่งเรือต่อไปยังวัดไทยต่อทันที นั่นก็คือ วัดสมเด็จ นั่นเองค่ะ วัดนี้ต้องเดินขึ้นไปยังเนินเขานะคะ ทางอาจจะชันและลำบากนิดหน่อย แต่บรรยากาศดี เย็นสบายมากๆ เลยค่ะ
ซึ่งหลังจากที่เยี่ยมชมวัดใต้น้ำครบทั้ง 3 วัด เราก็นั่งเรือกลับมายังสะพอนมอญทันที เพราะอยากกลับไปนอนหลับสักตื่น ก่อนออกมากราบสักการะหลวงพ่ออุตตมะ ที่วัดวังก์วิเวการามในช่วงบ่าย
ภาพบรรยากาศระหว่างนั่งเรือกลับมายังสะพานมอญค่ะ สวยมากๆ เลย มีสายหมอกจางๆ ด้วย
วัดวังก์วิเวการาม
หลังจากนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม เราก็ตื่นมารับประทานอาหารกลางวันยังร้านอาหารใกล้ๆ ที่พัก จากนั้นก็ขับรถออกไปยังวัดวังก์วิเวการาม หรือวัดหลวงพ่ออุตตมะทันที ซึ่งวัดนี้หลวงพ่ออุตตมะท่านได้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2496 ร่วมกับชาวบ้านอพยพชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญค่ะ ซึ่งเป็นที่ที่มีความสำคัญมากสำหรับคนพื้นถิ่นเลยทีเดียว นอกจากนี้บริเวณวัดก็มีของพื้นถิ่นมากมายจำหน่ายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ของกิน ผ้าไทย และสมุนไพรทานาคา เลือกซื้อเป็นของฝากกันได้เลย
Day 3 : ธารแม่น้ำซองกาเรีย
ปิดท้ายทริปนี้ด้วยสถานที่ทางผ่านอย่าง ธารแม่น้ำซองกาเรียค่ะ บริเวณนี้เป็นเสมือนซุ้มแพริมน้ำให้นักท่องเที่ยวนั่งรับประทานอาหารท่ามกลางธรรมชาติ ถือเป็นการทิ้งทวนการเที่ยวสังขละบุรีที่ได้นั่งกินอาหารอร่อยๆ บรรยากาศดีมากๆ น้ำเย็นสบาย ที่แฮปปี้มากๆ เลยค่ะ
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ Lady MIRROR สามารถลองไปเที่ยวสังขละบุรีตามแพลนของ MIRROR ดูได้เลยค่ะ รับรองว่าสบายกาย สบายใจ มีพลังกลับมาพร้อมทำงานอย่างเต็มเปี่ยมแน่นอน สุดท้ายเที่ยวให้สนุก มีความสุขกับวันหยุดยาว และเดินทางปลอดภัยนะคะ.
by วรรณิภา จันพุดซา (ติว)
เปลี่ยน Passion ให้เป็น Fashion ในสไตล์ที่เป็นคุณ
"คนเดียว" - Google News
September 05, 2020 at 07:00AM
https://ift.tt/2DtIUbw
3 วัน 2 คืน เที่ยว "สังขละบุรี" คนเดียวก็ไปได้ - ไทยรัฐ
"คนเดียว" - Google News
https://ift.tt/2Wbluya
No comments:
Post a Comment